
กฎการเงินพรีเมียร์ลีกใหม่จ่อเปลี่ยนโฉมลีก สโมสรใหญ่เตรียมเปิดศึกนอกสนาม
พรีเมียร์ลีกกำลังเดินหน้าเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อกฎการเงินแบบใหม่มีโอกาสถูกใช้แทนกฎ PSR เดิม และอาจเปลี่ยนวิธีทำทีมของทุกสโมสร ตั้งแต่ทีมหัวตารางไปจนถึงทีมหนีตกชั้น โดยการถกเถียงรอบนี้ร้อนแรงถึงขั้นถูกมองว่าเป็น “สงคราม” ระหว่างมุมมองด้านการแข่งขันกับมุมมองด้านการควบคุมการใช้เงินของสโมสรต่าง ๆ
กฎการเงินพรีเมียร์ลีกใหม่คืออะไร ทำไมทุกสโมสรต้องสนใจ
ใจกลางของกฎการเงินพรีเมียร์ลีกใหม่คือแนวคิด Squad Cost Ratio (SCR) หรือ “อัตราส่วนค่าใช้จ่ายทีมต่อรายได้” ซึ่งจะจำกัดจำนวนเงินที่สโมสรใช้กับทีมฟุตบอลต่อปี โดยคิดจากเปอร์เซ็นต์ของรายได้สโมสร
-
สโมสรที่ได้เล่นฟุตบอลยุโรป จะต้องจำกัดค่าใช้จ่ายทีมไว้ที่ประมาณ 70% ของรายได้ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎของยูฟ่า
-
สโมสรที่ไม่ได้เล่นถ้วยยุโรป อาจใช้วงเงินได้มากกว่า เล็งตัวเลขราว 85% ของรายได้ เพื่อชดเชยความเสียเปรียบด้านรายได้จากเวทียุโรป
ค่าใช้จ่ายทีมในนิยามนี้ ครอบคลุมทั้ง
-
ค่าเหนื่อยนักเตะและสตาฟฟ์
-
ค่าตัวนักเตะ (แบบคิดเป็นปีผ่านการตัดค่าเสื่อมสัญญา)
-
ค่านายหน้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับทีมชุดใหญ่
เป้าหมายของ “กฎการเงินพรีเมียร์ลีกใหม่” คือให้สโมสรมีงบประมาณชัดเจนในแต่ละปี วางแผนระยะยาวได้ดีขึ้น และลดโอกาสใช้เงินเกินตัวจนเสี่ยงทำผิดกฎเหมือนหลายเคสในช่วงที่ผ่านมา
PSR เดิม vs SCR ใหม่ ต่างกันอย่างไร
PSR (Profitability and Sustainability Rules) ที่ใช้อยู่ตอนนี้ เน้นดูผลรวม “ขาดทุน–กำไร” ของสโมสรย้อนหลัง 3 ปี หากขาดทุนสะสมเกินกรอบที่กำหนด ก็มีสิทธิ์โดนลงโทษ ทั้งปรับเงินและตัดแต้ม ซึ่งเราเห็นตัวอย่างกันแล้วจากบางสโมสรในช่วง 2–3 ฤดูกาลหลัง
จุดอ่อนของ PSR คือ
-
การตรวจสอบเป็นแบบ “ย้อนหลัง” ทำให้การลงโทษเกิดหลังเหตุการณ์ค่อนข้างนาน
-
สโมสรบางแห่งใช้ช่องว่างทางบัญชีสร้างความได้เปรียบ เช่น การทำสัญญายาวมากเพื่อลดภาระในบัญชีรายปี
ส่วน SCR ที่พรีเมียร์ลีกผลักดัน
-
เป็นระบบ “ลิมิตรายปี” ชัดเจน สโมสรจะรู้เพดานการใช้เงินก่อนเริ่มฤดูกาล
-
ลดความไม่แน่นอนเรื่องการโดนตัดแต้มแบบย้อนหลัง เพราะทุกอย่างถูกล็อกด้วยเปอร์เซ็นต์รายได้
Richard Masters ซีอีโอพรีเมียร์ลีก เคยอธิบายว่ากฎใหม่จะช่วยให้สโมสรที่เล่นยุโรปไม่ต้องบริหาร 2 ระบบ (กฎพรีเมียร์ลีกกับกฎยูฟ่า) ต่างคนต่างชุด แต่ปรับให้ใกล้เคียงกันมากขึ้น
ทำไมหลายสโมสรและ PFA ถึงไม่เห็นด้วย
แม้แนวคิด “กฎการเงินพรีเมียร์ลีกใหม่” จะดูมีเหตุผล แต่ก็ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนแบบเอกฉันท์
-
สมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (PFA) แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย และเริ่มขยับในเชิงกฎหมาย เพราะมองว่ากฎใหม่อาจจำกัดค่าตอบแทนของนักเตะ โดยเฉพาะระบบ “Anchoring” ที่จะผูกเพดานใช้เงินของสโมสรกับรายได้ของทีมอันดับล่างสุดในลีก
-
สโมสรใหญ่บางทีม เช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีความกังวลว่ากฎชุดนี้จะจำกัดศักยภาพการลงทุนของพวกเขา ทั้งในด้านค่าตัวและค่าเหนื่อยนักเตะระดับท็อป ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในจุดดึงดูดสำคัญของพรีเมียร์ลีก
เสียงวิจารณ์อีกมุมคือ
-
หาก “Anchoring” ใช้จริง ทีมที่มีรายได้สูงมากอาจใช้เงินได้ไม่เต็มศักยภาพ
-
ความสามารถในการดึงซูเปอร์สตาร์อาจลดลง เมื่อเทียบกับสโมสรชั้นนำในลีกอื่นที่ไม่ถูกผูกกับรายได้ของทีมท้ายตารางแบบเดียวกัน
ทั้งหมดนี้ทำให้บรรยากาศการถกเถียงเรื่องกฎการเงินพรีเมียร์ลีกใหม่ ถูกมองว่าเป็น “ศึกใหญ่” ระหว่างทีมที่ต้องการลงทุนหนัก กับทีมที่อยากให้ลีกแข่งขันกันอย่างสมดุลมากขึ้น
ผลกระทบต่อแฟนบอลและตลาดซื้อขายหากกฎใหม่ผ่าน
ในมุมแฟนบอล กฎการเงินพรีเมียร์ลีกใหม่จะส่งผลแบบไหนบ้าง
-
ตลาดซื้อขายอาจ “เงียบลงแต่มีวินัยมากขึ้น”
สโมสรต้องคำนวณสัดส่วนค่าใช้จ่ายชัดเจน การทุ่มค่าตัวระดับสถิติโลกอาจเกิดน้อยลง และต้องมีแผนปล่อยนักเตะออกเพื่อบาลานซ์ตัวเลขมากขึ้น -
ทีมกลางตารางอาจยกระดับได้ถ้าบริหารดี
หากกฎเปิดให้ทีมที่ไม่ได้เล่นยุโรปใช้สัดส่วนสูงสุดราว 85% ของรายได้ ทีมกลุ่มกลางตารางที่บริหารดี อาจอัปเกรดคุณภาพทีมได้เร็วขึ้น เพราะไม่เสียเปรียบด้านเงินเดือนและค่าตัวจนเกินไป -
ทีมใหญ่ต้องเน้น “โครงสร้างสโมสร” มากกว่าแค่การซื้อนักเตะ
พอใช้เงินได้จำกัด การสร้างระบบอคาเดมี ฝ่ายสเกาต์ และการพัฒนานักเตะจากภายใน จะยิ่งสำคัญ เพราะคุณไม่สามารถใช้เงินแก้ปัญหาได้ทุกครั้งเหมือนเดิม -
บทลงโทษจะชัดเจนและเร็วขึ้น
ข้อเสนอของ SCR แบบใหม่มีการพูดถึงโทษตัดแต้มขั้นต่ำเมื่อใช้จ่ายเกินเพดานในระดับรุนแรง ทำให้สโมสรต้องวางแผนอย่างรอบคอบกว่าเดิม เพราะโทษจะมีผลต่ออันดับทันทีในฤดูกาลที่เกิดเหตุ
จับตาการโหวต 21 พฤศจิกายน 2025 จุดเปลี่ยนอนาคตพรีเมียร์ลีก
จุดสำคัญต่อจากนี้คือการโหวตของ 20 สโมสรพรีเมียร์ลีกในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2025 ว่าจะ
-
คงใช้กฎ PSR เดิมต่อไป
-
หรือหันมาใช้ “กฎการเงินพรีเมียร์ลีกใหม่” แบบ SCR ร่วมกับแนวคิด Anchoring บางส่วนหรือทั้งหมด
เสียงโหวตต้องผ่านเกณฑ์ส่วนใหญ่ของสโมสร หากไม่ถึง กฎใหม่อาจต้องถูกปรับหรือพักไว้ก่อน แต่หากผ่านไปได้ ตลาดซื้อขายตั้งแต่ซัมเมอร์ 2026 เป็นต้นไป จะเป็นสนามทดลองครั้งใหญ่ของระบบนี้ทันที
จากมุมมองบรรณาธิการข่าวกีฬา UFABET นี่ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขในงบการเงิน แต่คือสมดุลระหว่าง
-
ความสนุกของลีกที่มีเงินสะพัดและซูเปอร์สตาร์เต็มสนาม
กับ -
ความยั่งยืนระยะยาวและความเป็นธรรมทางการแข่งขันระหว่างทีมใหญ่ทีมเล็ก
ไม่ว่าจะออกผลแบบไหน “กฎการเงินพรีเมียร์ลีกใหม่” จะกลายเป็นหนึ่งในหัวข้อที่แฟนบอลควรติดตามอย่างใกล้ชิดพอ ๆ กับข่าวตลาดซื้อขายและผลการแข่งขันในสนาม