
เทรนด์พรีเมียร์ลีก 2025/26 เปลี่ยนไปยังไง เมื่อบอลอังกฤษเริ่มกลับสู่ความ “ดุดันตรงประเด็น”
ในฐานะบรรณาธิการข่าวกีฬาที่เกาะติดพรีเมียร์ลีกมาตลอด ฤดูกาล 2025/26 ถือเป็นปีที่ “หน้าตาของเกม” เปลี่ยนชัดเจนกว่าหลายซีซันก่อน ทั้งเรื่องจำนวนการจ่ายบอลที่ลดลง การใช้บอลยาวมากขึ้น การทำประตูด้วยลูกโหม่งที่กำลังจะทุบสถิติ รวมไปถึงดราม่าประตูช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่สูงผิดปกติ ข้อมูลชุดนี้มาจากบทวิเคราะห์อย่างเป็นทางการของพรีเมียร์ลีกประจำวันที่ 13 พฤศจิกายน 2025
ทีมพรีเมียร์ลีก “จ่ายบอลน้อยลง” เน้นจบเร็วมากขึ้น
พรีเมียร์ลีกเผยว่า หลังผ่าน 11 นัดของฤดูกาลนี้ ค่าเฉลี่ยการจ่ายบอลสำเร็จต่อหนึ่งแมตช์อยู่ที่ 713 ครั้ง ซึ่งน้อยที่สุดตั้งแต่ซีซัน 2016/17 และลดลงจาก 748 ครั้งในปี 2024/25 รวมถึงเคยสูงสุดถึง 780 ครั้งในฤดูกาล 2023/24
แปลว่าอะไร
-
โค้ชหลายทีมลดการต่อบอลไปมาแบบเน้นครองบอล
-
หันมาเล่น “บอลไปข้างหน้าให้ไว” มากขึ้น
-
เกมจึงดูดิบ แข็งแรง และไหลเร็วกว่าเดิม
มีเพียงสามสโมสรเท่านั้นที่เพิ่มจำนวนการครองบอลชัดเจนคือ บอร์นมัธ, เอฟเวอร์ตัน และน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ส่วนทีมใหญ่หลายทีมกลับลดการจ่ายลง เพื่อหาความคมในการบุกให้มากกว่าเดิม
บอลยาวกลับมาแรง – แมนยู–สเปอร์สขึ้นแท่นทีม “เตะไกลแต่มีคุณภาพ”
เมื่อลองเจาะลึกเทรนด์การเล่นตรงๆ จะเห็นชัดว่า เปอร์เซ็นต์การออกบอลยาวทั้งลีกเพิ่มจาก 10.5% เป็น 11.5% ในฤดูกาลนี้ โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์คือสองทีมที่เปลี่ยนสไตล์ชัดสุด
-
แมนยู เพิ่มสัดส่วนบอลยาวจาก 9.8% → 13.4%
-
สเปอร์ส เพิ่มจาก 7.3% → 10.7%
นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขน่าสนใจคือ
-
ลูกตั้งเตะจากประตู (goal-kick) ที่จบลงในแดนคู่แข่ง เพิ่มจาก 40.4% เป็น 48.2%
-
มากกว่า 1 ใน 3 ของการจ่ายบอลทั้งหมดจบลงในพื้นที่สุดท้ายของสนาม (33.8%) ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2010/11
สรุปง่ายๆ คือ โค้ชเริ่มคิดแบบ “ความเสี่ยงเท่ากับโอกาส” กล้าเตะไกล กล้าบุกเร็ว และยอมเอาบอลเข้าแดนคู่แข่งให้ไว แทนที่จะรับความเสี่ยงเล่นสั้นหน้าประตูตัวเอง
ลูกโหม่งกำลังจะทุบสถิติ – อาร์เซน่อลนำโด่งทั้งจำนวนและความหลากหลาย
อีกหนึ่งเทรนด์ใหญ่ของ เทรนด์พรีเมียร์ลีก 2025/26 คือจำนวนประตูจากลูกโหม่ง ฤดูกาลนี้ยิงไปแล้ว 64 ประตู และถ้าเดินต่อด้วยเรตเดียวกัน จะจบที่ ราว 221 ประตูโหม่ง ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติปี 2003/04 (สถิติเดิมคือ 205 ลูกในฤดูกาล 2010/11)
ทีมที่โดดเด่นเรื่องลูกกลางอากาศตอนนี้คือ
-
อาร์เซน่อล – ทำประตูโหม่งไปแล้ว 7 ลูก จากผู้เล่นถึง 7 คนต่างกัน
-
สเปอร์ส – 6 ลูก
-
เชลซี – 6 ลูก
-
ไบรท์ตัน – 5 ลูก
-
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – 5 ลูก
เมื่อดูเปอร์เซ็นต์รวม พบว่า 21.3% ของทุกประตูในฤดูกาลนี้มาจากลูกโหม่ง สูงกว่าปีก่อนที่ 15.6% และยังมากกว่าสถิติสูงสุดเดิมที่ 19.3% อีกด้วย แสดงให้เห็นเทรนด์ชัดเจนว่า ทีมต่างๆกลับมาใช้ “หน้าเป้าร่างใหญ่” และเซตพีซคุณภาพสูงเป็นอาวุธหลักมากขึ้น
ดราม่าทดเจ็บพุ่ง 13.3% – ซันเดอร์แลนด์–เบรนท์ฟอร์ดเด่นสุดช่วงเวลา 90+ นาที
จุดที่แฟนบอลรู้สึกได้ชัดคือ ประตูทดเวลาบาดเจ็บ ฤดูกาลนี้หลังผ่าน 110 แมตช์ มีการยิงช่วงนาที 90+ ไปแล้วถึง 40 ประตู คิดเป็น 13.3% ของประตูทั้งหมด สูงที่สุดเท่าที่ลีกเคยมี (สถิติเดิมคือ 9% เมื่อสองฤดูกาลก่อน)
ที่น่าสนใจคือ ตัวเลขทดเวลาบาดเจ็บเฉลี่ยต่อเกมไม่ได้สูงสุด
-
ฤดูกาลนี้เล่นทดเจ็บครึ่งหลังเฉลี่ย 6 นาที 48 วินาที
-
น้อยกว่าซีซัน 2023/24 ที่เฉลี่ยถึง 7 นาที 29 วินาที
แปลว่าประตูดราม่าไม่ได้มาจากเวลาที่เพิ่มขึ้นอย่างเดียว แต่ทีมกล้าบุก กล้าเสี่ยงมากขึ้นในช่วงท้ายเกมด้วย ทีมที่เก่งช่วงนี้เป็นพิเศษคือ
-
ซันเดอร์แลนด์ – ยิงช่วงทดเจ็บได้ 5 ลูก
-
เบรนท์ฟอร์ด – 4 ลูก
-
อาร์เซน่อล, ไบรท์ตัน, ลิเวอร์พูล, แมนยู – ทีมละ 3 ลูก
สำหรับคนดู นี่คือเหตุผลว่าทำไม “ห้ามเปลี่ยนช่องก่อนนกหวีดสุดท้าย” เพราะผลแข่งกลับได้จริงในช่วง 90+ นาที
สเปอร์สทีมเยือนโหด – อาร์เซน่อล–บอร์นมัธเจ้าบ้านแกร่ง, วูล์ฟส์ร่วงทั้งเหย้า–เยือน
อีกมุมที่น่าสนใจจากบทความ “Home v away table” คือความแตกต่างระหว่างฟอร์มเหย้ากับเยือนของแต่ละทีม
ไฮไลต์สำคัญ
-
สเปอร์ส
-
ชนะเกมเยือน 4 เสมอ 1 ได้ 2.60 แต้มต่อเกม – ดีสุดในลีก
-
แต่เกมเหย้ากลับแย่ ชนะนัดเปิดฤดูกาลกับเบิร์นลีย์ 3–0 แล้วไม่ชนะอีกเลยในบ้าน แพ้ 3 เสมอ 2 ได้เพียง 0.83 แต้มต่อเกม
-
-
อาร์เซน่อล & บอร์นมัธ
-
เป็น “เจ้าบ้านฟอร์มแกร่งที่สุด” ด้วยค่าเฉลี่ย 2.60 แต้มต่อเกมในบ้าน
-
โดยอาร์เซน่อลยังรักษาสมดุลฟอร์มเยือนได้ดี มี 2.17 แต้มต่อเกมในการออกไปเล่นนอกบ้านด้วย
-
-
แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, แมนยู และไบรท์ตัน
-
เก็บแต้มในบ้านได้อย่างน้อย “สองเท่า” ของเกมเยือน แสดงให้เห็นว่าการเล่นที่สนามตัวเองยังเป็นจุดแข็งหลักของบิ๊กทีมหลายสโมสร
-
-
ทีมที่หนักสุดตอนนี้คือวูล์ฟส์
-
เป็นทีมเดียวที่ยังไม่ชนะทั้งในบ้านและนอกบ้าน
-
มีค่าเฉลี่ยเพียง 0.20 แต้มต่อเกมในบ้าน และ 0.17 แต้มต่อเกมเยือน จมบ๊วยทั้งสองตาราง
-
ข้อมูลนี้ช่วยให้แฟนบอลวิเคราะห์ได้ง่ายขึ้นว่า เกมไหน “เหย้า–เยือน” มีผลต่อโอกาสชนะมากเป็นพิเศษ และเป็นทองสำหรับสายวิเคราะห์บอลหรือแฟนที่ชอบตามสถิติ
มุมมองบรรณาธิการ – พรีเมียร์ลีกกำลังกลับสู่ดีเอ็นเอ “เร็ว แรง ดราม่าถึงนาทีสุดท้าย”
เมื่อเอาทุกเทรนด์มารวมกันจะเห็นภาพชัดว่า
-
เกม จ่ายน้อยลง แต่เข้าแดนสุดท้ายมากขึ้น
-
ใช้ บอลยาวและลูกกลางอากาศ เป็นอาวุธ
-
เซตพีซและลูกโหม่ง มีบทบาทสูงกว่าช่วงหลังๆ
-
ทีมต่างๆ พร้อม เสี่ยงบุกช่วงทดเจ็บ มากขึ้น ส่งผลให้ประตูท้ายเกมพุ่ง
ทั้งหมดนี้ทำให้พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2025/26 กลับมามีกลิ่นอาย “บอลอังกฤษยุคดั้งเดิม” ที่เล่นกันเร็ว ดุดัน แต่ผสมกับข้อมูลและแท็กติกสมัยใหม่อย่างลงตัว และสำหรับสายคอนเทนต์อย่างเรา เทรนด์พวกนี้คือวัสดุดิบชั้นดีสำหรับทำบทวิเคราะห์ต่อยอดทั้งเรื่องแท็กติก สถิติ และมุมมองการพนันอย่างระมัดระวังในอนาคต