
อังกฤษ ฟุตบอลโลก 2026 ชนะรวด 8 นัดไม่เสียประตู ภายใต้ยุคโธมัส ทูเคิล
ตอบก่อน:
ตอนนี้คำว่า อังกฤษ ฟุตบอลโลก 2026 การันตีเต็มร้อยแล้ว เพราะทีมสิงโตคำรามภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิล ปิดจ็อบรอบคัดเลือกกลุ่ม K แบบสมบูรณ์ ชนะรวด 8 นัด ยิงได้ 22 ประตู และ ไม่เสียประตูเลยแม้แต่ลูกเดียว กลายเป็นทีมยุโรปทีมแรกที่เก็บชัยชนะทุกนัดในคัดบอลโลกโดยไม่โดนยิง (อย่างน้อย 6 เกมขึ้นไป)
เส้นทางคัดบอลโลกกลุ่ม K: ชนะรวด 8 นัด ไม่เสียประตู
อังกฤษถูกจับอยู่ใน กลุ่ม K ร่วมกับ แอลเบเนีย, เซอร์เบีย, ลัตเวีย และอันดอร์รา
ฟอร์มตลอดทั้งกลุ่มเรียกได้ว่า “ไร้ที่ติ”
-
แข่ง 8
-
ชนะ 8
-
ยิงได้ 22 ประตู
-
เสีย 0 ประตู
-
เก็บ 24 แต้มเต็ม เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มแบบไม่ต้องลุ้นเพลย์ออฟ
เกมสำคัญ ๆ เช่น
-
ชนะลัตเวีย 5–0 เกมที่ แฮร์รี่ เคน ยิง 2 ประตู และทำลายอีกหนึ่งสถิติเรื่องจำนวนประตูในทีมชาติ
-
ชนะเซอร์เบีย 2–0 ที่เวมบลีย์ จากประตูของ บูกาโย่ ซาก้า และ เอเบเรชี่ เอเซ่ ปิดประตูความหวังของเซอร์เบียในการลุ้นอันดับสองแบบตรง ๆ
-
เกมสุดท้าย ชนะแอลเบเนีย 2–0 จากสองประตูช่วงท้ายของแฮร์รี่ เคน ทำให้จบกลุ่มแบบชนะรวดและไม่เสียประตู
ฟอร์มระดับนี้ทำให้อังกฤษถูกยกให้เป็นหนึ่งในทีมที่ “พร้อมที่สุด” ก่อนเข้าสู่รอบสุดท้ายที่แคนาดา–เม็กซิโก–สหรัฐอเมริกาในปี 2026
อังกฤษ ฟุตบอลโลก 2026 ในยุคโธมัส ทูเคิล
หลังจากเข้าไปรับงานทีมชาติ อังกฤษ ยุค โธมัส ทูเคิล ถูกชมเรื่อง
-
แท็กติกยืดหยุ่น ปรับระบบระหว่างเกมได้
-
เน้นเกมรับให้แน่นก่อน แล้วค่อยปล่อยคุณภาพแนวรุกตัดสินเกม
-
กล้าหมุนเวียนผู้เล่นตัวรุกหลายแบบ ทั้ง ซาก้า, โฟเด้น, เอเซ่, ซาก้า, แอนโทนี กอร์ดอน ฯลฯ
ตัวเลขสำคัญที่บอกสไตล์ทูเคิลคือ
-
8 เกมคัดบอลโลก ไม่เสียประตู
-
ชนะรวด แถมหลายเกมปิดจ็อบแบบคุมจังหวะได้ทั้ง 90 นาที
กล่าวง่าย ๆ คือ อังกฤษยุคนี้ไม่ใช่ทีมพุ่งเข้าแลกอย่างเดียว แต่เป็นทีมที่ “จัดการเกม” ได้ดีขึ้นมาก
จุดแข็งของอังกฤษก่อนลุยทัวร์นาเมนต์จริง
จากภาพรวมรอบคัดเลือก จุดแข็งของ อังกฤษ ฟุตบอลโลก 2026 มีชัดเจนหลายข้อ
1. เกมรับแข็งที่สุดทีมหนึ่งในยุโรปตอนนี้
-
ไม่เสียประตูเลยใน 8 เกมรอบคัดเลือกกลุ่ม K
-
ระบบช่วยกันเพรสตั้งแต่แดนหน้า ทำให้คู่แข่งเจาะเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายได้ยากมาก
2. คุณภาพแนวรุกหลากหลาย
-
มีทั้ง “ตัวจบสกอร์” อย่าง เคน
-
ตัวสร้างสรรค์เกมอย่าง โฟเด้น และ บรูโน่ กิมมิงส์ (สมมติจากข่าว)
-
ปีกสมัยใหม่อย่าง ซาก้า และ เอเซ่ ที่เลี้ยงกินตัวได้ดี
อังกฤษจึงไม่ได้หวังเพียงคนเดียว แต่สามารถเปลี่ยนตัวแล้วรูปเกมยังน่ากลัวเหมือนเดิม
3. โมเมนตัมและความมั่นใจ
-
ชนะรวด
-
ไม่เสียประตู
-
เป็นหนึ่งในทีมที่ผ่านเข้ารอบแน่นอนตั้งแต่ก่อนจบโปรแกรมรอบคัดเลือก
ทั้งหมดนี้ทำให้บรรยากาศรอบทีมชาติอังกฤษดู “นิ่งและมั่นใจ” กว่ายุคก่อนที่มักเต็มไปด้วยดราม่า
ยังมีอะไรต้องพิสูจน์ในรอบสุดท้าย?
แม้ตัวเลขจะสวย แต่ก็ยังมีคำถามที่อังกฤษต้องตอบใน ฟุตบอลโลก 2026
-
ฟอร์มใน “รอบน็อกเอาต์”
-
ในทัวร์นาเมนต์ระดับยูโรและบอลโลกก่อน ๆ อังกฤษมักสะดุดในเกมสำคัญ
-
บอลนัดเดียวแพ้–ชนะ ต้องดูว่า ทูเคิลจะจัดการความกดดันได้ดีแค่ไหน
-
-
การรับมือความคาดหวังจากสื่ออังกฤษ
-
ทุกครั้งที่ทีมชาติฟอร์มดี สื่อมักยกเป็นเต็งหนึ่ง
-
ถ้าเปิดทัวร์นาเมนต์ด้วยผลเสมอหรือแพ้เร็ว ๆ แรงกดดันอาจพุ่งทันที
-
ทั้งหมดนี้คือส่วนที่ตัวโค้ชและนักเตะต้องช่วยกันจัดการให้ได้
มุมสายพรีเมียร์ลีก–สายวิเคราะห์ และการมองผ่านตลาด
แฟนพรีเมียร์ลีกตามอังกฤษง่ายอยู่แล้ว เพราะนักเตะส่วนใหญ่ค้าแข้งในลีกนี้ แทบทุกแมตช์ที่เล่นให้สโมสรสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการประเมินฟอร์มทีมชาติได้
ส่วน สายวิเคราะห์–สายเดิมพัน จากต่างประเทศหลายสำนักเริ่มจัดให้อังกฤษอยู่กลุ่มเต็งร่วมกับ ฝรั่งเศส, อาร์เจนตินา, บราซิล และโปรตุเกส จากผลงานคัดบอลโลกที่ไร้ที่ติ
สำหรับคนที่ตามราคาบอลโลก
-
มักจะดูราคา Outright (ทีมแชมป์)
-
ราคาเข้ารอบลึก
-
และราคาในแต่ละแมตช์ แล้วนำไปเทียบกับเว็บเดิมพันที่ตัวเองใช้
ในฝั่งเอเชียเอง ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ใช้ข้อมูลข่าว–ฟอร์มทีมชาติ ไปประกอบการดูราคาในเว็บอย่าง UFABET เพื่อดูว่าตลาดมองอังกฤษแรงแค่ไหนเมื่อเทียบกับชาติเต็งอื่น ๆ แต่ไม่ว่าจะยังไง การเดิมพันก็ยังเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง ควรแบ่งงบให้ชัด และมองเป็นสีสันในการเชียร์ฟุตบอลมากกว่าหวังกำไรแน่นอน
สรุป อังกฤษ ฟุตบอลโลก 2026 ในมุมบรรณาธิการ
สรุปให้สั้นที่สุดในมุมบรรณาธิการข่าวพรีเมียร์ลีกก็คือ
-
อังกฤษ ฟุตบอลโลก 2026 เข้ารอบแบบ “โคตรสะอาด” ชนะรวด 8 นัด ไม่เสียประตูเลยในกลุ่ม K
-
ทีมของโธมัส ทูเคิล มีทั้งระบบเกมรับที่แน่น และแนวรุกหลากหลาย
-
สิ่งที่ต้องพิสูจน์ต่อคือฟอร์มในเกมใหญ่รอบน็อกเอาต์ และการจัดการความกดดันในทัวร์นาเมนต์จริง
ถ้าอังกฤษรักษามาตรฐานจากรอบคัดเลือกไปได้ในอเมริกาเหนือ ซัมเมอร์ 2026 อาจเป็นปีที่คำว่า “มันส์ถึงดวงดาว” ของแฟนบอลอังกฤษเข้าใกล้ความจริงมากที่สุดครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้