
โปรแกรมโหด 5 นัดต่อไปพรีเมียร์ลีก หลังพักทีมชาติ จุดเปลี่ยนก่อนเข้าสู่ช่วงบ็อกซิงเดย์
หลังจากพักเบรกทีมชาติเดือนพฤศจิกายนจบลง สิ่งแรกที่แฟนบอลพรีเมียร์ลีกส่วนใหญ่ต้องรีบเปิดดูคือ โปรแกรมโหด 5 นัดต่อไปพรีเมียร์ลีก ของแต่ละสโมสร เพราะช่วงปลายปีจนถึงก่อนบ็อกซิงเดย์ คือเฟสที่ตารางแข่งขันแน่นที่สุดของฤดูกาล หลายทีมต้องลงเตะทุก 3–4 วัน ทั้งในลีก, บอลถ้วยภายในประเทศ และฟุตบอลยุโรป
ด้วยความถี่ระดับนี้ แค่ช่วง 5 นัดหลังพักทีมชาติ ก็สามารถเปลี่ยนหน้าตาตารางคะแนนได้ทั้งโซนลุ้นแชมป์และโซนหนีตกชั้น สโมสรที่เตรียมตัวมาดี มีสquad ลึก และหมุนเวียนผู้เล่นฉลาด มักจะหนีขึ้นไปอยู่ในพื้นที่ที่ต้องการ ขณะที่ทีมที่ตัวหลักเจ็บหรือโรเตชั่นพลาด อาจร่วงลงไปยุ่งกับโซนอันตรายแบบไม่ทันตั้งตัว
สื่ออังกฤษจัดอันดับโปรแกรมโหด West Ham ติดกลุ่มบน ส่วน Arsenal อยู่ระดับกลาง
สื่ออังกฤษหลายเจ้าเริ่มทำคอนเทนต์จัดอันดับ โปรแกรมโหด 5 นัดต่อไปพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ก่อนลีกกลับมาเตะ โดยพยายามใช้ข้อมูลเชิงตัวเลขมาช่วยประเมินความยากของคู่แข่ง
หนึ่งในนั้นคือบทความจาก Hammers Headlines ที่ใช้ตารางแข่งจริง, อันดับของคู่แข่งในลีก และฟอร์มช่วงหลัง มาจัดลำดับว่าใครเจอคิวหนักสุดใน 5 เกมถัดไป ผลวิเคราะห์ระบุว่า
-
West Ham ถูกจัดให้อยู่ในโซน “โปรแกรมโหดระดับบน” เจอคู่แข่งที่ศักยภาพใกล้เคียงหรือตัวเต็งหลายเกมติดกัน
-
Arsenal ถูกจัดไว้บริเวณกลาง ๆ ของตารางความยาก แม้จะมีเกมใหญ่ แต่ยังพอมีนัดที่ถือว่าเบากว่าสลับอยู่บ้าง
การจัดอันดับแบบนี้ไม่ได้ฟันธงผลการแข่งขันล่วงหน้า แต่เป็นการชี้ให้แฟนบอลเห็นภาพว่าช่วง 5 นัดหลังเบรกทีมชาติ ทีมรักของตัวเองต้องเจอความท้าทายระดับไหน
ข้อมูลจาก Opta ชี้ ลีดส์คือทีมที่เจอโปรแกรมโหดสุดในลีก
อีกมุมหนึ่งมาจากรายงานของ Island FM ที่อ้างอิงโมเดลข้อมูลของ Opta ในการประเมิน ความยากของโปรแกรม 5 นัดถัดไป โดยพิจารณาจากอันดับคู่แข่ง, ผลงานที่ผ่านมา และศักยภาพทีมในภาพรวม
ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้หลายคนต้องหันมามองลีดส์ ยูไนเต็ด เพราะ Opta ระบุชัดว่า ลีดส์คือทีมที่มีโปรแกรมยากที่สุดในพรีเมียร์ลีกตลอด 5 นัดถัดไป
ในช่วงดังกล่าว ลีดส์ต้องลงเล่นเจอกับคู่แข่งอย่าง
-
แอสตัน วิลล่า
-
เชลซี
-
ลิเวอร์พูล
-
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
-
และต้องออกไปเยือนเบรนท์ฟอร์ด
ทั้งหมดคือทีมที่อยู่โซนบนของตารางหรือมีฟอร์มดีในฤดูกาลนี้ ทำให้ช่วงเวลานี้ถูกเรียกว่า “หัวเละ” สำหรับทีมของ Daniel Farke แบบไม่เกินจริง
กุนซือของลีดส์เองก็ยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า ช่วงนี้คือบททดสอบสำคัญ ว่าทีมจะสามารถหนีออกจากโซนอันตรายได้หรือไม่ เขาเคยพูดในเชิงสะท้อนว่า
“ในเวอร์ชันในฝัน ผมไม่อยากให้ทีมต้องอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเลย แต่พรีเมียร์ลีกไม่เคยให้ของขวัญง่าย ๆ กับใคร โดยเฉพาะเมื่อโปรแกรม 5 นัดข้างหน้าหนักระดับนี้”
คำพูดนี้สะท้อนชัดว่าทั้งสโมสรและแฟนบอลรู้ดีว่า แต้มในช่วงนี้อาจมีค่ามากกว่าที่เห็นบนหน้ากระดาษ
ใช้ FDR และเครื่องมือวิเคราะห์โปรแกรมช่วยอ่านภาพรวมทั้งลีก
นอกจากบทวิเคราะห์จากสื่อแล้ว แฟนบอลและสาย Fantasy Premier League ยังมีเครื่องมืออย่าง Fixture Difficulty Rating (FDR) บนเว็บไซต์ทางการพรีเมียร์ลีก รวมถึงแพลตฟอร์มสถิติอื่น ๆ อย่าง Footylabs หรือ Statrdraft ที่ช่วยให้ประเมิน โปรแกรมโหด 5 นัดต่อไปพรีเมียร์ลีก ได้ง่ายขึ้นในมุมตัวเลข
ค่า FDR จะให้คะแนนความยากของโปรแกรมเป็นตัวเลขหรือสี เช่น
-
เจอคู่แข่งอันดับสูงต่อเนื่อง หรือมีเกมเยือนหนักหลายนัดติดกัน มักได้รับค่า FDR สูง (โปรแกรมยาก)
-
เจอคู่แข่งโซนล่าง สลับกับเกมเหย้าที่ได้เปรียบ แบบนี้จะได้ค่า FDR ต่ำ (โปรแกรมง่าย)
สำหรับสาย FPL การดู FDR ควบคู่กับบทวิเคราะห์จากสื่อต่างประเทศ ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าช่วง 5 นัดต่อไป ทีมไหนน่าลงทุนเก็บนักเตะไว้ยาว ทีมไหนควร “หลบก่อน” แม้ฟอร์มจะดีแต่โปรแกรมจัดว่าหนักเกินไป
เมื่อจับคู่ข้อมูลจากงานวิเคราะห์กับค่า FDR ภาพรวมที่ออกมามักจะไปในทิศทางเดียวกันว่า ทีมอย่าง West Ham, Arsenal และลีดส์ ต้องเจอช่วงโปรแกรมที่ไม่ค่อยเป็นใจนักในช่วงหลังพักทีมชาติ
ตารางเตะถี่ ปัญหาใหญ่สำหรับทีมลุ้นแชมป์และทีมหนีตกชั้น
ความโหดของ โปรแกรมโหด 5 นัดต่อไปพรีเมียร์ลีก ไม่ได้วัดแค่คุณภาพของคู่แข่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึง “ความถี่ของแมตช์” และการชนกับรายการอื่น ๆ ด้วย
ฤดูกาล 2025/26 มีทั้งโปรแกรมฟุตบอลยุโรป, คาราบาว คัพ และเอฟเอ คัพ ที่ต้องจัดสรรให้ลงล็อก ทำให้พรีเมียร์ลีกต้องขยับตารางแข่งหลายครั้ง ถึงขั้นมีรายงานจาก Reuters ว่า ปีนี้จะมีเกมในวันบ็อกซิงเดย์เพียงคู่เดียวคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เนื่องจากต้องปรับตารางให้ไม่ชนกับทัวร์นาเมนต์อื่นและข้อจำกัดด้านถ่ายทอดสด
สำหรับทีมใหญ่ที่ต้องเล่นทั้งลีก, บอลถ้วย และบอลยุโรป ปัญหาหลักไม่ใช่แค่คู่แข่ง แต่คือการบริหารสภาพร่างกายผู้เล่น ตัวจริงและตัวสำรองต้องพร้อมสลับกันลงสนามตลอดช่วงปลายปี สตาฟฟ์โค้ชจึงต้องวางแผนโรเตชั่นละเอียดมากขึ้น ไม่อย่างนั้นอาจเจอปัญหานักเตะล้าและบาดเจ็บสะสมจนเสียหายยาวในครึ่งหลังของฤดูกาล
ในทางกลับกัน ทีมหนีตกชั้นก็เจอความกดดันไม่ต่างกัน เพราะหลายสโมสรไม่มีสquad ลึกเท่าบิ๊กทีม แต่ต้องเล่นจำนวนเกมเท่ากัน หากไม่สามารถเก็บแต้มจากเกมเหย้าหรือแมตช์ที่พอมีโอกาสได้เลย ช่องว่างกับโซนปลอดภัยอาจถ่างออกจนตามไม่ทัน
มุมมองบรรณาธิการ: โปรแกรม 5 นัดนี้บอกอะไรเราได้บ้าง
จากการรวบรวมข้อมูลในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2025 โปรแกรมโหด 5 นัดถัดไปของแต่ละทีมบอกอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับทิศทางของฤดูกาลนี้
1. ทีมหนีตกชั้นบางทีมเจอวิกฤตเร็วกว่าคนอื่น
เคสของลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า ถ้าช่วงนี้เก็บแต้มแทบไม่ได้เลย ช่องว่างกับโซนปลอดภัยอาจขยายจนต้องใช้แรงอย่างหนักในครึ่งหลังของฤดูกาล การเจอคู่แข่งระดับหัวตารางติดกันทำให้ทุกแต้มยิ่งมีความหมาย
2. บิ๊กทีมต้องบาลานซ์ระหว่างลุ้นแชมป์กับการรักษาสภาพร่างกาย
สโมสรอย่าง West Ham, Arsenal และทีมกลุ่มหัวตารางอีกหลายทีม ต้องเจอคู่แข่งระดับใกล้เคียงกันแทบทุกสัปดาห์ ผลการแข่งขันในช่วงนี้จะเป็นตัวชี้ว่าพวกเขาอยู่ในระดับ “ลุ้นแชมป์จริง” หรือแค่ “อยู่ในกลุ่มท็อปโฟร์” เท่านั้น
3. สำหรับสาย FPL โปรแกรมแทบจะสำคัญเท่าฟอร์ม
การมองโปรแกรม 5 นัดต่อไปควบคู่กับฟอร์มทีมและความฟิตของผู้เล่น ช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าจะ “ถือยาว” หรือ “ขายทิ้งชั่วคราว” กับนักเตะบางคน เพราะต่อให้ฟอร์มส่วนตัวกำลังดี แต่ถ้าเจอโปรแกรมโหดติด ๆ กัน ผลตอบแทนอาจไม่คุ้มความเสี่ยง
สำหรับแฟนบอลพรีเมียร์ลีก การตามดู โปรแกรมโหด 5 นัดต่อไปพรีเมียร์ลีก หลังพักทีมชาติ แบบใกล้ชิด คือวิธีอ่านทิศทางของลีกช่วงปลายปีได้ดีที่สุด ว่าทีมไหนกำลังจะทะยานขึ้นลุ้นแชมป์ ทีมไหนอาจถูกดูดลงโซนตกชั้น และทีมไหนจะกลายเป็นม้ามืดในสายตาคนเล่น FPL ในเฟสสำคัญของฤดูกาลนี้ และสำหรับท่านใดที่สนใจการเดิมพันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก คลิก แทงบอล ได้เลย